5 หนังที่ได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ ที่จะทำให้คุณหลงใหล

รางวัลลูกโลกทองคำ (Golden Globe Awards) เป็นหนึ่งในรางวัลอันทรงเกียรติของวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมนักข่าวต่างประเทศแห่งฮอลลีวูด (HFPA) ทุกปี รางวัลนี้มอบให้กับภาพยนตร์และซีรีส์ที่โดดเด่นในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการกำกับ การแสดง บทภาพยนตร์ รวมถึงเพลงประกอบภาพยนตร์ในบทความนี้ เราจะพาคุณสำรวจ “Golden Globe Gems” หรือภาพยนตร์ที่เคยได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ พร้อมทั้งพูดถึงข้อดีข้อเสียของรางวัลดังกล่าว และปิดท้ายด้วยคำแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการ ดูหนังออนไลน์ เพื่อสัมผัสกับผลงานเหล่านี้

5 หนัง Golden Globe Gems ที่คุณต้องไม่พลาด

1. La La Land (2016)

รางวัล: ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (ประเภท Musical or Comedy), ผู้กำกับยอดเยี่ยม (Damien Chazelle), นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (Emma Stone) และอื่น ๆ รวม 7 รางวัล

“La La Land” เป็นหนังแนวโรแมนติก-มิวสิคัลที่เล่าเรื่องราวของเซบาสเตียน นักดนตรีแจ๊ส และมีอา นักแสดงสาวผู้ใฝ่ฝัน ทั้งสองพบรักกันในลอสแอนเจลิสขณะที่พวกเขาไล่ตามความฝัน ภาพยนตร์เรื่องนี้โดดเด่นด้วยการกำกับศิลป์ที่งดงาม เพลงประกอบที่ติดหู และการแสดงที่ตราตรึงใจ สามารถหนังเรื่อง La La Land ได้ที่เว็บ https://www.moviehdfree.net/la-la-land-2016

La La Land เล่าเรื่องราวของเซบาสเตียน (รับบทโดย Ryan Gosling) นักดนตรีแจ๊สที่ใฝ่ฝันจะเปิดคลับแจ๊สของตัวเอง และมีอา (รับบทโดย Emma Stone) นักแสดงสาวผู้ไล่ตามความฝันในวงการบันเทิงในลอสแอนเจลิส ทั้งสองพบกันและเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่เปี่ยมด้วยความรักและความหวัง ขณะเดียวกันพวกเขาต้องเผชิญกับความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับความฝันและความสัมพันธ์ของพวกเขา

ข้อดีของ La La Land

  1. การกำกับและการเล่าเรื่องที่โดดเด่น
    Damien Chazelle ถ่ายทอดเรื่องราวของความรักและความฝันได้อย่างงดงามผ่านการกำกับที่สร้างสรรค์ การผสมผสานดนตรีและการแสดงออกทางศิลปะช่วยทำให้ผู้ชมหลงใหลตั้งแต่ต้นจนจบ

  2. การแสดงที่ยอดเยี่ยม
    Emma Stone และ Ryan Gosling ถ่ายทอดอารมณ์และเคมีของตัวละครได้อย่างสมบูรณ์แบบ Emma Stone ได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากบทบาทของเธอ

  3. ดนตรีประกอบที่น่าจดจำ
    เพลงประกอบภาพยนตร์ เช่น “City of Stars” และ “Audition (The Fools Who Dream)” ไม่เพียงแต่ไพเราะ แต่ยังเสริมสร้างอารมณ์ของเรื่องราว ทำให้ผู้ชมรู้สึกเชื่อมโยงกับตัวละครมากยิ่งขึ้น

ข้อเสียของ La La Land

  1. การดำเนินเรื่องที่ช้าในบางช่วง
    แม้ว่าภาพยนตร์จะเต็มไปด้วยฉากดนตรีที่น่าหลงใหล แต่บางช่วงของเรื่องอาจรู้สึกช้าหรือยืดยาดสำหรับผู้ชมที่ไม่คุ้นเคยกับแนวมิวสิคัล

  2. ตัวละครรองไม่โดดเด่น
    เรื่องราวมุ่งเน้นที่ตัวละครหลักอย่างเซบาสเตียนและมีอาเป็นหลัก ทำให้ตัวละครรองขาดมิติและไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร

  3. แนวเพลงไม่ถูกใจผู้ชมบางกลุ่ม
    ผู้ชมที่ไม่ชื่นชอบภาพยนตร์แนวมิวสิคัลอาจรู้สึกว่าเพลงและการเต้นรำมีมากเกินไปหรือทำให้เรื่องราวดูไม่สมจริง

La La Land เป็นหนังที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและความสวยงามทั้งในด้านภาพและเสียง แม้จะมีข้อเสียเล็กน้อย แต่เรื่องราวของมันสามารถเข้าถึงใจของผู้ชมได้อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีความฝัน หากคุณรักดนตรี รักการเต้น หรือมองหาภาพยนตร์ที่สะท้อนถึงความหมายของความรักและชีวิต La La Land คือภาพยนตร์ที่คุณไม่ควรพลาด

2. The Social Network (2010)

รางวัล: ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (ประเภท Drama), ผู้กำกับยอดเยี่ยม (David Fincher), บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Aaron Sorkin)

“The Social Network” ถ่ายทอดเรื่องราวการกำเนิดของ Facebook และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ก่อตั้ง ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอการแสดงที่ทรงพลังและบทภาพยนตร์ที่เฉียบคม ทำให้ผู้ชมเข้าใจถึงความซับซ้อนของเทคโนโลยีและความสัมพันธ์

ผู้กำกับ: David Fincher
เขียนบท: Aaron Sorkin
นักแสดงนำ: Jesse Eisenberg, Andrew Garfield, Justin Timberlake

The Social Network เป็นภาพยนตร์ชีวประวัติ-ดราม่าที่เล่าเรื่องราวการกำเนิดของ Facebook แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เปลี่ยนโฉมหน้าการสื่อสารของโลก ผลงานกำกับโดย David Fincher และบทภาพยนตร์ที่เฉียบคมของ Aaron Sorkin ทำให้เรื่องนี้ได้รับคำชื่นชมอย่างกว้างขวาง ภาพยนตร์ได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ (Golden Globe) และรางวัลออสการ์หลายสาขา

The Social Network เป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวการก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้อย่างทรงพลัง ทั้งในแง่ของการเล่าเรื่อง การแสดง และประเด็นที่นำเสนอ ภาพยนตร์สะท้อนให้เห็นถึงด้านมืดของความสำเร็จ ความสัมพันธ์ที่แตกสลาย และผลกระทบของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน

หากคุณสนใจเรื่องราวที่เกี่ยวกับธุรกิจ เทคโนโลยี และความสัมพันธ์ The Social Network เป็นภาพยนตร์ที่ไม่ควรพลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้บทเรียนเกี่ยวกับความทะเยอทะยานและความซับซ้อนของมนุษย์

3. Bohemian Rhapsody (2018)

รางวัล: ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (ประเภท Drama), นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (Rami Malek)

“Bohemian Rhapsody” เล่าเรื่องราวของ Freddie Mercury นักร้องนำวง Queen ผู้ทรงอิทธิพล ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการเฉลิมฉลองดนตรีและชีวิตของเฟรดดี้ พร้อมการแสดงที่ทรงพลังจาก Rami Malek ที่ทำให้ผู้ชมหลงรักบทบาทของเขา

ผู้กำกับ: Bryan Singer (Dexter Fletcher เข้ามากำกับในบางส่วน)
นักแสดงนำ: Rami Malek, Gwilym Lee, Ben Hardy, Joseph Mazzello
ประเภท: ชีวประวัติ ดนตรี ดราม่า

Bohemian Rhapsody เป็นภาพยนตร์ชีวประวัติที่เล่าเรื่องราวของ Freddie Mercury นักร้องนำวง Queen ผู้ยิ่งใหญ่และการเดินทางของวงดนตรีที่กลายเป็นตำนานระดับโลก ภาพยนตร์ได้รับคำชื่นชมอย่างมากจากการแสดงของ Rami Malek และการนำเสนอการแสดงคอนเสิร์ตที่น่าตื่นเต้น

เรื่องราวเริ่มต้นตั้งแต่ Freddie Mercury (Rami Malek) พบกับสมาชิกวง Queen และการเดินทางของพวกเขาสู่ความสำเร็จระดับโลก ภาพยนตร์นำเสนอเบื้องหลังการแต่งเพลงดังอย่าง “Bohemian Rhapsody,” “We Will Rock You,” และ “Another One Bites the Dust” พร้อมกับชีวิตส่วนตัวของเฟรดดี้ที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความสำเร็จ ความรัก และการต่อสู้กับโรคเอดส์

จุดเด่นสำคัญของภาพยนตร์คือการแสดงคอนเสิร์ต Live Aid ในปี 1985 ที่ถ่ายทอดอย่างสมจริงและเต็มไปด้วยพลัง

Bohemian Rhapsody เป็นภาพยนตร์ที่เฉลิมฉลองดนตรีและชีวิตของ Freddie Mercury อย่างยิ่งใหญ่ แม้จะมีข้อบกพร่องในแง่ของการเล่าเรื่อง แต่พลังของการแสดงและดนตรีช่วยชดเชยจุดอ่อนเหล่านั้นได้ดีหนังที่เหมาะสำหรับทั้งแฟนเพลงของ Queen และผู้ที่ต้องการแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของคนที่กล้าฝันและทำลายกรอบเดิม ๆ ของสังคม

4. A Star is Born (2018)

รางวัล: เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (“Shallow”) ได้คะแนนจาก IMDB 7.6/10

“A Star is Born” เป็นเรื่องราวของแจ็คสัน เมน นักดนตรีผู้มีชื่อเสียงที่ช่วยปั้นแอลลี่ ศิลปินหน้าใหม่ให้เป็นดาวเด่น เรื่องราวความรักและดนตรีของทั้งสองสะท้อนความงดงามและความเจ็บปวดในชีวิต ภาพยนตร์เรื่องนี้มีทั้งบทเพลงทรงพลังและการแสดงอันยอดเยี่ยมจาก Bradley Cooper และ Lady Gaga

ผู้กำกับ: Bradley Cooper
นักแสดงนำ: Bradley Cooper, Lady Gaga, Sam Elliott
ประเภท: ดราม่า โรแมนติก ดนตรี

A Star is Born เป็นการรีเมกครั้งที่สี่ของเรื่องราวความรักที่เกี่ยวกับความรุ่งโรจน์และความโศกเศร้าในวงการบันเทิง ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับคำชื่นชมอย่างมาก โดยเฉพาะการแสดงของ Lady Gaga และ Bradley Cooper รวมถึงเพลงประกอบที่กลายเป็นที่นิยมทั่วโลก เช่น “Shallow”

Jack Maine (Bradley Cooper) เป็นนักดนตรีคันทรีผู้มีชื่อเสียง แต่กำลังเผชิญกับปัญหาการติดแอลกอฮอล์และสุขภาพจิต ขณะเดียวกันเขาได้พบกับ Ally (Lady Gaga) นักร้อง-นักแต่งเพลงที่มีพรสวรรค์แต่ยังไม่มีชื่อเสียง ทั้งสองเริ่มมีความสัมพันธ์และ Jack ช่วยผลักดันให้ Ally ก้าวสู่การเป็นศิลปินที่โด่งดัง

อย่างไรก็ตาม เมื่อ Ally มีชื่อเสียงมากขึ้น ความสัมพันธ์ของพวกเขากลับเผชิญกับความตึงเครียด Jack ต้องต่อสู้กับความรู้สึกด้อยค่าและปัญหาสุขภาพจิตที่ถาโถมเข้ามา

ข้อดีของ A Star is Born

  1. การแสดงที่โดดเด่น
    Bradley Cooper และ Lady Gaga ถ่ายทอดอารมณ์ได้ลึกซึ้งและสมจริง เคมีระหว่างตัวละครหลักทำให้เรื่องราวรัก-เศร้าของพวกเขาเข้าถึงผู้ชม

  2. ดนตรีประกอบที่ทรงพลัง
    เพลง “Shallow” กลายเป็นไอคอนของภาพยนตร์ ด้วยเนื้อหาและการแสดงที่ส่งอารมณ์อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ เพลงอื่น ๆ ในภาพยนตร์ยังช่วยเสริมเรื่องราวได้อย่างดี

ข้อเสียของ A Star is Born

  1. โครงเรื่องคาดเดาได้
    เนื่องจากเป็นการรีเมกครั้งที่สี่ ผู้ชมบางคนอาจรู้สึกว่าพลอตเรื่องไม่มีความแปลกใหม่

  2. บางส่วนของเรื่องราวไม่ได้รับการสำรวจลึกซึ้ง
    แม้ว่าภาพยนตร์จะเน้นเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละครหลัก แต่ปัญหาบางอย่าง เช่น ความซับซ้อนในวงการดนตรี หรือการพัฒนาตัวละครรอง ถูกนำเสนออย่างผิวเผิน

5. 1917 (2019)

รางวัล: ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (ประเภท Drama), ผู้กำกับยอดเยี่ยม (Sam Mendes)

“1917” เล่าเรื่องราวของสองทหารหนุ่มในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ต้องส่งสารสำคัญเพื่อช่วยชีวิตเพื่อนทหารหลายพันคน เทคนิคการถ่ายทำแบบ Long Take ทั้งเรื่องทำให้ภาพยนตร์ดูสมจริงและตึงเครียดอย่างน่าประทับใจ

ผู้กำกับ: Sam Mendes
นักแสดงนำ: George MacKay, Dean-Charles Chapman, Mark Strong, Colin Firth, Benedict Cumberbatch
ประเภท: สงคราม ดราม่า

1917 เป็นภาพยนตร์สงครามที่ถ่ายทอดเหตุการณ์ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ด้วยการเล่าเรื่องที่เป็นเอกลักษณ์ ภาพยนตร์ใช้เทคนิคการถ่ายทำที่ดูเหมือนจะเป็นการถ่ายทำแบบต่อเนื่อง (one-shot) ตลอดทั้งเรื่อง สร้างประสบการณ์การชมที่เข้มข้นและสมจริง

เรื่องราวเกิดขึ้นในปี 1917 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สองทหารหนุ่มชาวอังกฤษ Schofield (George MacKay) และ Blake (Dean-Charles Chapman) ได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญในการส่งข้อความข้ามเขตแดนศัตรู เพื่อหยุดการโจมตีที่จะนำไปสู่การสูญเสียชีวิตของทหารกว่า 1,600 นาย รวมถึงพี่ชายของ Blake

ระหว่างภารกิจ ทั้งคู่ต้องเผชิญกับอันตรายที่คาดไม่ถึงในสนามรบ รวมถึงสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายและศัตรูที่อยู่รอบตัว ดูหนังสงคราม เรื่อง 1917 เต็มเรื่องพากย์ไทยเต็มเรื่องได้ที่ ลิ้งค์ตรงนี้ 

ข้อดีของ 1917

  1. การถ่ายทำที่น่าทึ่ง
    จุดเด่นของภาพยนตร์คือการใช้เทคนิค “one-shot” ที่ทำให้ภาพยนตร์ดูเหมือนถ่ายทำแบบต่อเนื่องไม่มีการตัดต่อ วิธีนี้สร้างความสมจริงและเพิ่มความตึงเครียดให้กับผู้ชม

  2. การเล่าเรื่องที่เข้มข้น
    แม้ว่าโครงเรื่องจะเรียบง่าย แต่การเล่าเรื่องผ่านภารกิจเดียวในช่วงเวลาจำกัดทำให้ผู้ชมรู้สึกมีส่วนร่วมและลุ้นระทึกตลอดเวลา

  3. งานภาพที่งดงามและสมจริง
    Roger Deakins ผู้กำกับภาพถ่ายทอดฉากสงครามได้อย่างงดงาม ไม่ว่าจะเป็นทุ่งร้าง สนามรบที่เต็มไปด้วยศพ หรือซากปรักหักพัง ทุกฉากช่วยเสริมสร้างบรรยากาศของสงครามได้อย่างสมจริง

ข้อเสียของ 1917

  1. ตัวละครที่ไม่ซับซ้อน
    เนื่องจากเรื่องราวเน้นไปที่ภารกิจมากกว่าการพัฒนาตัวละคร ผู้ชมบางคนอาจรู้สึกว่าตัวละครขาดความลึกซึ้ง

  2. เนื้อเรื่องที่ตรงไปตรงมา
    แม้การเล่าเรื่องจะตื่นเต้น แต่โครงเรื่องค่อนข้างเรียบง่ายและคาดเดาได้ในบางส่วน

1917 เป็นภาพยนตร์สงครามที่มีเอกลักษณ์ด้วยการถ่ายทำแบบ “one-shot” และการเล่าเรื่องที่เน้นความสมจริง ผู้ชมจะได้สัมผัสประสบการณ์ที่เข้มข้นและเต็มไปด้วยอารมณ์ แม้จะมีข้อจำกัดบางประการในแง่ของการพัฒนาตัวละครและประเด็นทางสงคราม แต่ภาพยนตร์ยังคงเป็นหนึ่งในผลงานที่น่าจดจำของปี 2019

Golden Globe Gems เป็นภาพยนตร์ที่ทรงคุณค่าและควรค่าแก่การรับชม หากคุณต้องการสัมผัสความยอดเยี่ยมของผลงานเหล่านี้ การ ดูหนังออนไลน์ เป็นทางเลือกที่สะดวกที่สุด คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับผลงานที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ พร้อมทั้งได้สำรวจมุมมองใหม่ ๆ ของโลกภาพยนตร์ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ